เติ้ง เสี่ยวผิง (
จีนตัวย่อ: 邓小平;
จีนตัวเต็ม: 鄧小平;
พินอิน: Dèng Xiǎopíng;
เวด-ไจลส์: Teng Hsiao-p'ing) (
22 สิงหาคม พ.ศ. 2447 -
19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540) เป็นนักการเมืองชาวจีนที่เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของ
สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978 จนระทั่งเขาเกษียณอายุในปี ค.ศ. 1992 ภายหลังจากประธาน
เหมา เจ๋อตงถึงแก่อสัญกรรมในปี ค.ศ. 1976 เติ้งได้ค่อยๆ ลุกขึ้นสู่อำนาจและนำประเทศจีนผ่านชุดการปฏิรูปเศรษฐกิจ-ตลาดที่กว้างขวาง ซึ่งทำให้เขาได้มีชื่อเสียงในฐานะ"ผู้ออกแบบประเทศจีนสมัยใหม่"เขาเกิดในตระกูลเจ้าของที่ดินที่มีการศึกษาใน
มณฑลเสฉวน เติ้งได้เรียนและทำงานในฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1920 ที่นั่นเขาได้กลายเป็นสาวกลัทธิมากซ์และลัทธิเลนิน เขาเข้าร่วม
พรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี ค.ศ. 1923 เมื่อเดินทางกลับจีน เติ้งก็ได้เข้าร่วมกับองค์กรพรรคในเซี่ยงไฮ้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจการทางการเมือง (คอมมิสซาร์) จากกองทัพแดงในพื้นที่ชนบท ในปี ค.ศ. 1931 เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งภายในพรรค เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากเหมา เจ๋อตง แต่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกครั้งในช่วงการประชุมซุนยี่ ค.ศ. 1935 ในปลายปี ค.ศ. 1930 เติ้งได้ถูกมองว่าเป็น"ทหารผ่านศึกการปฏิวัติ"เพราะเขาเข้าร่วมใน
การเดินทัพทางไกล ภายหลังจากการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ. 1949 เติ้งทำงานในทิเบตเช่นเดียวกับในจีนตะวันตกเฉียงใต้เพื่อรวบรวมการควบคุมคอมมิวนิสต์ ในฐานะเลขาธิการพรรคในปี ค.ศ. 1950 เติ้งได้เป็นประธานในการรณรงค์ต่อต้านฝ่ายขวาที่ถูกเปิดฉากโดยประธานเหมา และกลายเป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของจีนในช่วงหลัง
นโยบายก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่(ค.ศ. 1958-1960) อย่างไรก็ตาม นโยบายทางเศรษฐกิจของเขาทำให้เขาหลุดออกจากความโปรดปรานของประธานเหมา และถูกรังแกข่มเหงถึงสองครั้งในช่วง
การปฏิวัติวัฒนธรรมภายหลังเหมา เจ๋อตงได้ถึงแก่อสัญกรรมในปี ค.ศ. 1976 เติ้งได้เอาชนะด้วยเล่ห์เหลี่ยมกับผู้สืบทอดตำแหน่งประธานคนต่อมาอย่าง
ฮั่ว กั๋วเฟิงและกลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของจีนคนใหม่ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1978 การสืบสานต่อประเทศที่รุมเร้าไปด้วยความขัดแย้งทางสังคม ความไม่ลงรอยกันของพรรคคอมมิวนิสต์ และความวุ่นวายของสถาบันอันเป็นผลมาจากนโยบายที่ยุ่งเหยิงในยุคสมัยเหมา เติ้งได้เริ่มต้นโครงการ Boluan Fanzheng ซึ่งนำประเทศกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1977 ถึงต้นปี ค.ศ. 1979 เขาได้กลับมาสอบเข้าเรียนวิทยาลัยในจีนซึ่งถูกขัดจังหวะจากการปฏิวัติทางวัฒนธรรมเป็นเวลาสิบปี ได้ริเรื่มการปฏิรูปและเปิดประเทศในประวัติศาสร์ และเริ่ม
สงครามจีน-เวียดนามในเวลาหนึ่งเดือน ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1982 เขาได้เริ่มปฏิรูปทางการเมืองของจีนโดยกำหนดวาระที่จำกัดของเจ้าหน้าที่ทางการและเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่สามของจีนอย่างเป็นระบบซึ่งถูกทำขึ้นภายใต้ยุคสมัยฮั่ว กั๋วเฟิง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ถูกรวบรวมตาม
รัฐธรรมนูญนิยมแบบของจีน และผ่านความเห็นชอบของสภาประชาชนแห่งชาติในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1982 โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ยังมีผลบังคับใช้จนถึงทุกวันนี้ ในปี ค.ศ. 1980 เติงได้สนับสนุน
นโยบายการวางแผนครอบครัวเพื่อรับมือกับวิกฤตจากการมีประชากรมากเกินไปของจีน ช่วยสร้างระบบการศึกษาภาคบังคับเป็นเวลาเก้าปีของจีน และเปิดโครงการ 863 สำหรับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในขณะที่เติ้งไม่เคยดำรงตำแหน่งเป็นประมุขแห่งรัฐ หัวหน้ารัฐบาล หรือเลขาธิการ(ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์) บางคนจะเรียกเขาว่า "ผู้ออกแบบ" ของเครื่องหมายใหม่ของแนวคิดที่ผสมผสานอุดมการณ์สังคมนิยมกับองค์กรอิสระ ที่ถูกเรียกว่า "ลัทธิสังคมนิยมด้วยลักษณะพิเศษของจีน" เขาได้เปิดประเทศจีนเพื่อการลงทุนจากต่างประเทศและตลาดโลก นโยบายที่ให้เครดิตกับการพัฒนาประเทศจีนให้เป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลกมาหลายชั่วรุ่นและยกระดับมาตรฐานการครองชีพหลายร้อยล้านคน เติ้งเป็น
บุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ในฉบับปี ค.ศ. 1978 ถึง ค.ศ. 1985 ผู้นำจีนคนที่สามและผู้นำสมัยที่สี่ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ถูกรับเลือกมา เขาได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นผู้ออกคำสั่งใน
การปราบปรามการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ปี ค.ศ. 1989 แต่ได้รับความนิยมจากการยืนยันใหม่ของการปฏิรูปโครงการในการท่องเทียวภาคใต้ในปี ค.ศ. 1992 เช่นเดียวกับการได้รับฮ่องกงกลับคืนสู่การควบคุมของจีนในปี ค.ศ. 1997